ทัณฑสถานหญิงกลาง ปัดคุกคาม ‘ใบปอ ทะลุวัง’ ยันดูแลตามหลักมนุษยธรรม

ทัณฑสถานหญิงกลาง ปัดคุกคาม ‘ใบปอ ทะลุวัง’ ยันดูแลตามหลักมนุษยธรรม

ทัณฑสถานหญิงกลาง ปฏิเสธหมอคุกคาม ใบปอ ทะลุวัง ยืนยันดูแลผู้ต้องขังหญิงทุกคน ตามหลักสิทธิมนุษยชนทุกประการ จากกรณีที่ นาย อานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ใบปอ ทะลุวัง ถูกล่วงละเมิดโดยหมอที่สถานพยาบาลประจำเรือนจำที่เป็นผู้ตรวจอาการในระหว่างถูกควบคุมตัวในทัณฑสถานหญิงกลาง

ล่าสุดทางกรมราชทัณฑ์ออกเอกสารชี้แจงระบุว่า 

“กรณี แพทย์ประจำทัณฑสถานหญิงกลาง ถูกกล่าวหาว่า กระทำการละเมิดผู้ต้องขังหญิงด้วยคำพูดข่มขู่ เสียดสี และคุกคาม ขณะทำการตรวจรักษาอาการป่วย นั้น ว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลา 10.30 น. ผู้ต้องขังหญิงรายดังกล่าว ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ได้เข้าพบแพทย์ด้วยอาการแสบท้องจากการอดอาหาร เพื่อทำการตรวจประเมินอาการและสั่งยาเพิ่มเนื่องจากยาชุดเดิมที่ถูกสั่งจ่ายไว้จากแพทย์ท่านอื่นได้หมดลง

โดยแพทย์ที่ทำหน้าที่ตรวจรักษาประจำสถานพยาบาลทัณฑสถานหญิงกลางในห้วงเวลาดังกล่าว คือ นพ.ชาตรี (ขอสงวนนามสกุล) โดยได้ดำเนินการซักประวัติเพื่อประกอบการวินิจฉัยอาการป่วย รวมถึงได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเพิ่มเติมเพื่อมิให้เกิดการเจ็บป่วยทางร่างกาย ซึ่งผู้ต้องขังหญิงรายดังกล่าวได้แจ้งความประสงค์ว่า ไม่ขอรับยารักษาโรค และไม่ขอรับการรักษา รวมถึงไม่ขอรับคำแนะนำจากแพทย์แต่อย่างใด จากนั้นได้กลับเรือนนอนและปฏิบัติภารกิจประจำวันตามปกติ

อย่างไรก็ตาม ทัณฑสถานหญิงกลาง ยืนยันว่า ผู้ต้องขังหญิงรายดังกล่าว รวมถึงผู้ต้องขังหญิงทุกรายในการควบคุม ดูแล ได้รับการปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOPs) ของกรมราชทัณฑ์ และตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างถูกต้อง ครบถ้วนทุกประการ

และ นพ.ชาตรี (ขอสงวนนามสกุล) ที่ถูกกล่าวหาดังกล่าว เป็นแพทย์อายุรกรรมที่อุทิศเวลามาให้การรักษาดูแลผู้ต้องขังหญิงภายในทัณฑสถานหญิงกลางมาแล้ว 15 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น หรือได้รับข้อร้องเรียนจากผู้ต้องขังหญิงที่ได้รับการรักษาจากนายแพทย์คนดังกล่าวแต่อย่างใด”

ประยุทธ์ จับมือ ชัชชาติ แน่น ร่วมถ่าย หลังเสร็จสิ้นประชุม ศบค. พร้อมพาชมทำเนียบอย่างเป็นทางการ พร้อมทำงานร่วมกันพาประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพจเฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า เพจเฟซบุ๊กของรัฐบาลได้โพสต์วิดีโอ บรรยากาศหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน

ซึ่งการประชุมครั้งนี้ยังมี นาย ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา และ นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพ ร่วมประชุมด้วย ซึ่งนี่นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่นาย ชัชชาติ ได้พบกับ พล.อ.ประยุทธ์ นับตั้งแต่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทักทายนาย ปรเมศวร์ และ นาย ชัชชาติ อย่างเป็นมิตร พร้อมรับหน้าที่เป็นไกด์ในการพาชมทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นกันเอง

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ร่วมถ่ายรูปอย่างชื่นมือ จับมือนาย ชัชชาติ และ นาย ปรเมศวร์ แน่น ซึ่งนอกจากผู้ว่าและนายกเมืองพัทยาแล้ว นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)  ร่วมถ่ายรูปด้วย

ศาลปกครอง สั่ง ครอบครัว ‘สมัคร สุนทรเวช’ ชดใช้ 587 ล้าน คดีทุจริตรถดับเพลิง

ศาลปกครองยึดคำตัดสินเดิมสั่ง ครอบครัว ‘สมัคร สุนทรเวช’ ชดใช้ 587 ล้าน คดีทุจริตรถดับเพลิง ช่วงดำรงตำแหน่งผู้ว่ากรุงเทพฯ ศาลปกครองสูงสุด ได้ตัดสินพิพากษาโดยยึดตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ให้ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ภรรยานายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้ว่ากรุงเทพ นางกาญจนากร ไชยลาภ และนางกานดาภา มุ่งถิ่น ทายาทมรดกของนายสมัคร ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรุงเทพมหานคร จากคดีทุจริตรถดับเพลิง

หลังจากที่ นายสมัคร ช่วงที่ปฆิบัติหน้าที่เป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ได้อนุมัติคำสั่งซื้อ รถดับเพลิง และ เรือดับเพลิง ร่วมกันกับบริษัทสไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จํากัด ประเทศออสเตรีย กำหนดราคาซื้อขายให้สูงเกินจริง ซึ่งถือเป็นกากระทำที่ไม่ชอบ โดยทางผู้ต้องหาต้องชดใช้เงินต่อกรุงเทพ ในอัตราร้อยละ 30 ของมูลค่าความเสียหายจากเงินจำนวน 1,958,600,000 บาท คิดเป็นเงินที่ต้องรับผิด 587,580,000 บาท

ซึ่งศาลให้เหตุผลว่า นายสมัครเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกรุงเทพมหานคร และเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติสั่งซื้อฯ จึงควรต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 587 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 587 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2553 – 10 เมษายน 2564 และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนดในพระราชภกฤษฎีกา ซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนภายใน 60 วันนับแค่วันที่คดีถึงที่สุด

ทั้งนี้หากผู้ที่ถูกฟ้องคดีฟ้องบริษัทสไตเออร์ฯ ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศ ขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขาย เรียกทรัพย์คืนตามคดีหมายเลขดำที่ กค.155/2556 โดยศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิม หรือคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ของ ICC มีคำวินิจฉัย

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า